รูปแบบของ Keyword ในการลงโฆษณา Google Ads และการใช้งาน

Google Ads ลงโฆษณาให้อยู่ในหน้าแรกของ Google โดยจะเสียค่าใช้ก็ต่อเมื่อมีการคลิกเข้าสู่เว็บไซต์ แบบรายคลิก (CPC) ผ่านการค้นหาคีย์เวิร์ดต่างๆ ในแต่ละคีย์เวิร์ดราคาจะขึ้นอยู่กับการแข่งขัน และเราจะสามารถทราบราคาของแต่ละคีย์เวิร์ดได้เมื่อลงโฆษณา และเกิดการคลิกแล้ว หรือสามารถใช้เครื่องมือ Keyword Planner ช่วยในการดูราคาค่าคลิกเบื้องต้นก่อนก่อนลงโฆษณา และในบทความนี้เราจะมาแนะนำประเภทของคีย์เวิร์ด และรูปแบบการใช้งานกันค่ะ
1. Broad match คีย์เวิร์ดการทำงานแบบกว้าง แสดงผลในความหมายใกล้เคียงกัน ถึงแม้จะสะกดผิด หรือพิมพ์สลับไปมา รูปแบบการใช้งานแบบกว้าง ทำให้มีจำนวนคลิกเข้าสู่เว็บไซต์จำนวนมาก ต้องการให้เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว จึงเหมาะมากกับธุรกิจที่ต้องการสร้างแบรน์ด หรือเปิดตัวสินค้าใหม่
2. Phrase Match แบบเจาะจง การใช้งานคือการใส่เครื่องหมายคำพูดคร่อมคีย์เวิร์ด “___” เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในระดับกลาง จะเจาะจงมากขึ้น จะแสดงผลเมื่อมีการค้นหาคีย์เวิร์ดนั้นๆ ต่อให้มีคำขึ้นต้น หรือต่อท้ายก็ตาม แต่จะไม่แสดงผลเมื่อพิมพ์ผิด หรือมีการแทรกกลางระหว่างคำ เช่น “ซ่อมหลังคา” คีย์เวิร์ดที่แสดงผลคือ ซ่อมหลังคา ราคาถูก, ซ่อมหลังคา ที่ไหนดี, ช่างซ่อมหลังคา กันสาด
3. Exact match คีย์เวิร์ดการทำงานแบบตรง การใช้งานคือการใส่เครื่องหมาย [___] จะแสดงผลก็ต่อเมื่อต้องพิมพ์ตรงทั้งหมด ไม่แสดงผลเมื่อมีการพิมพ์ขึ้นต้นหรือต่อท้าย หรือแทรกกลางระหว่างคำ ช่วยเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น [ซ่อมหลังคา] ถ้ามีการค้นหาคีย์เวิร์ด ซ่อมหลังคา ราคาถูก, ซ่อมหลังคา ที่ไหนดี, ช่างซ่อมหลังคา กันสาด จะไม่แสดงผล
4. Negative การทำงานแบบเชิงลบ ใช้กรองคำที่ไม่ต้องการออกจากการค้นหา ช่วยประหยัดงบได้มาก เช่น คีย์เวิร์ดซ่อมหลังคา ก็อาจจะเพิ่มคีย์เวิร์ดเชิงลบ ซ่อมผนัง การใช้งานคือการใส่เครื่องหมาย -ซ่อมผนัง
รูปแบบการใช้งานคีย์เวิร์ด ถ้าใช้ได้ถูกต้อง จะช่วยให้คุณประหยัดงบในการลงโฆษณาได้มาก และตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น และนอกจากนี้จำเป็นต้องส่งลูกค้าของคุณไปยัง Landing Page ที่ตรงกับคีย์เวิร์ด และแยก Ad Group ของสินค้าให้ชัดเจน เพื่อสะดวกในการตั้งค่า และวิเคราะห์ผล แต่ถ้าคุณไม่อยากเสียเวลาลงมือทำเอง เราก็ขอแนะนำให้ใช้บริการเอเจนซี่บริการรับทำ google ads ราคาถูก ให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยวิเคราะห์คีย์เวิร์ด ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น